พระปฐมเจดีย์ นครปฐม

พระปฐมเจดีย์ นครปฐม

ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม สนามจันทร์ พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า

คำขวัญของจังหวัดนครปฐม

This image has an empty alt attribute; its file name is img20181030113952.jpg

         ในอดีตถูกเรียกว่า เมืองทวารวดี เพราะมีหลักฐานทางโบราณคดี เช่น โบราณสถานแบบทวารวดี ศิลปวัตถุต่างๆ พระปฐมเจดีย์ เดิมเรียกว่า พระธมเจดีย์ สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นเมื่อคราวพระสมณทูตของพระเจ้าอโศกมหาราชเดินทางมาเผยแผ่ศาสนาในเขตสุวรรณภูมิ เพราะมีลักษณะทรงโอคว่ำหรือทรงมะนาวผ่าซีก แบบเจดีย์สาญจิในประเทศอินเดีย แต่มียอดเป็นแบบปรางค์ ประกอบด้วยวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมา ก่ออิฐ ถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ
This image has an empty alt attribute; its file name is img20181030114854.jpg
This image has an empty alt attribute; its file name is img20181030114910.jpg

          มีประวัติว่า พระปฐมเจดีย์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๕๐๐ บ้าง พ.ศ.1000 บ้าง ความสูง ๔๐ วา ๕ ศอก มีพระแท่นบรรทม ที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาบรรทม มีพระเขี้ยวแก้ว มีพระบรมธาตุ มีปรากฎก่อนพบพระพุทธบาท พระพุทธฉาย กว่าพันปี

          ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ขณะทรงผนวช ได้เสด็จธุดงด์มานมัสการ เมื่อทรงขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อปีพุทธศักราช 2396 ทรงโปรดให้ก่อพระเจดีย์ใหม่ห่อหุ้มองค์เดิม พร้อมสร้างวิหารคต 2 ชั้น ทั้ง 4 ทิศและระเบียงโดยรอบทิศ แต่งานไม่ทันเสร็จ ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน และได้มีการบูรณะต่อมา

          ในสมัยรัชกาลที่ 5, 6 และรัชกาลที่ 7 พระปฐมเจดีย์นั้นได้ถูกสร้างและปฏิสังขรณ์มาอย่างน้อย 3 ครั้งแล้ว ที่ซุ้มวิหารใหญ่ด้านทิศเหนือ มีพระร่วงโรจนฤทธิ์ หรือที่ประชาชนทั่วไป เรียกว่า หลวงพ่อพระร่วง ในสมัยรัชกาลที่ 6 ครั้งยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระยุพราช ได้เสด็จไปมณฑลฝ่ายเหนือ เมื่อ พ.ศ.2452 ได้พบพระพุทธรูปชำรุดองค์หนึ่งจมในพื้นวิหารวัดโบราณในเมืองศรีสัชนาลัย โปรดให้ขุดขึ้น พบพระเศียร พระหัตถ์ และพระบาทที่ยังดี ไม่ชำรุด มีลักษณะงดงาม จึงโปรดให้เชิญลงมากรุงเทพมหานคร เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ จึงทรงให้ปฏิสังขรณ์ปั้นให้เสร็จสมบูรณ์ เททองที่วัดพระเชตุพนฯ เมื่อ พ.ศ.2456 เป็นพระยืนปางห้ามญาติ ศิลปะแบบสุโขทัย หล่อด้วยโลหะ ความสูงเมื่อวัดจากพระบาทถึงพระเกศราว 12 ศอก 4 นิ้ว และอัญเชิญไปประดิษฐาน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2458 นอกจากนี้ ยังมี ศาลเจ้าพ่อปราสาททอง พระพุทธไสยาศน์ พระศิลาขาว วิหารพระป่าเลไลย์ และวิหารไว้พระพุทธรูปต่าง ๆ เมื่อมาถึงพระปฐมเจดีย์กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ควรเดินรอบพระอารามชั้นใน หรือชั้นนอกก็ได้ เพื่ออธิฐานจิตรำลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ขอให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา



          ทางวัดได้มีการจัดงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึง วันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 รวม 9 วัน 9 คืน เป็นประจำทุกปี โดยภายในงานจะมีการทำบุญตักบาตร มีการประกวดการแสดงจากโรงเรียนต่างๆ มีร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ ของทำมือ ขนมไทยโบราณ อีกด้วย




            ในช่วงหลังออกพรรษา 24 เดือนตุลาคม 2561 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสออกไปนอกวัดป่าเลไลยก์ สุพรรณฯครั้งแรก หลังจากจำพรรษาครบ 3 เดือน โดยนั่งรถตู้สุพรรณ-นครปฐม ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ก็ถึงหน้าองค์พระ ลงรถตู้หน้าตลาดพอดี ค่าโดยสาร 100 บาท





          เดินไปฉันอาหารที่ร้านข้าวหมูแดง ร้านเก่าแก่บริเวณนั้น แล้วกลับมากราบพระร่วงโรจนฤทธิ์ที่องค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้นได้เดินรอบองค์พระ บริเวณองค์พระกว้างขวาง มีทั้งประชาชนและพระจากที่อื่นเดินรอบๆ ด้วย อดีตเมื่อสักกว่า 30 ปีที่แล้ว ก็เคยมาครั้งหนึ่งแล้ว ราวปี 2530 ได้ย้อนอดีตความทรงจำมื่อครั้งนั้นอีกครั้ง
This image has an empty alt attribute; its file name is img20181030120156.jpgThis image has an empty alt attribute; its file name is img20181030121157.jpgThis image has an empty alt attribute; its file name is img20181030121758.jpg


หลวงพ่อวัดบางแอก สามชุก สุพรรณบุรี

หลวงพ่อวัดบางแอก

ในวันที่ 16 กันยายน 2562 ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อวัดบางแอก ที่อยู่เลยวัดบ้านทึง ไปทางนางบวช นิดหน่อย ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ มีการล้อมรั้วเหล็ก

หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์

ในศาลาที่ล้อมรั้ว มีพระพุทธรูปมากมาย แต่มี 3 องค์สำคัญที่ปิดทอง กล่าวกันว่า เป็นพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง มีการค้นพบพระพุทธรูป เทวรูปต่างๆ มากมายในช่วงการก่อสร้างถนนสาย 340 ชัยนาท-สุพรรณ คาดว่ายังมีสมบัติอีกมากมายที่ถูกฝังบริเวณนี้ ช่วงก่อสร้างขยายถนนตอนนั้นมีการพยายามทำลายต้นโพธิ์และซากปรักหักพังต่างๆ แต่ก็ต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย ทำให้ต้องเหลือต้นโพธิ์และซากวัดไว้เป็นที่สักการะ
หลวงพ่อวัดบางแอก



ในสมัยก่อนสมัยอู่ทอง พระเจ้าอู่ทองได้อพยพผู้คนมาด้วยเกวียน หนีโรคห่าระบาดมาแถวนี้ ได้สร้างวัดขึ้น 3 วัด คือ วัดบางแอก (แอก ชื่อเรียกอุปกรณ์สำหรับเทียมเกวียน) วัดรอ วัดบ้านทึง (บ้านขี้ทึ้ง หรือขี้เหนียว) เพราะพระเจ้าอู่ทอง สั่งให้บริวารไปขอฟางสำหรับวัว ควาย แต่ชาวบ้านไม่ให้ สั่งให้ไปขอเชือกหนังสำหรับผูกวัว ควาย ชาวบ้านก็ไม่ให้อีก ต่อมาเพี้ยนกลายเป็น บ้านทึง  

เรื่องโด่งดัง

เรื่องเล่าสมัย 70-80 ปีที่แล้ว สมัยนั้นบริเวณนี้รกชัฏ การเดินทางต้องใช้เรือล่องไปทางแม่น้ำท่าจีน ซึ่งก็อยู่ใกล้วัดนี้ เสือกลับได้ไปปล้นที่ตัวจังหวัดสุพรรณฯ แล้วหนีมา เมื่อมาถึงวัดนี้ ได้มาอธิษฐานว่า ให้หนีรอดจากการตามล่า จะขอปล้นเป็นครั้งสุดท้าย และจะขอบวชตลอดชีวิต ที่ทำไปเพราะจะเอาเงินไปซื้อยามารักษาแม่ที่ป่วย ฝ่ายตำรวจเมื่อมาถึงก็หาไม่เจอ ทั้งๆ ที่เสือกลับก็อยู่ในวัดนี้ แต่ต่อมาเสือกลับได้ผิดคำสาบาน ได้ไปปล้นอีก จึงได้ถูกยิงตายที่วัดนี้







บนได้ดังหวัง

คนที่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน การหย่าร้าง การขอโชคลาภ มักสมหวังทุกอย่าง แต่ต้องทำตามสัญญา มีการแก้บนด้วยไข่บ้าง ลิเก ลำตัด มีจอหนัง ไว้แก้บนด้วย ซึ่งหลังหวยออก ก็จะมีการแก้บนกันไม่เว้นแต่ละคืน




ปัจจุบัน บริเวณฐานโบสถ์ที่เป็นร่องรอยอิฐเก่า มีการปูด้วยไม้เคลือบยูรีเทนสวยเงางาม ด้านหน้า เป็นโครงหลังคาเหล็ก มีแม่ค้าขายพวงมาลัย เพื่อสักการะชุดละ 20 บาท มีพวงมาลัย 3 พวง ทองสำหรับปิดหลวงพ่อ 3 อัน และแผงล็อตเตอรี่ เชิญท่านมาสักการะได้ทุกวัน ไม่ผิดหวัง