วัดนิเวศธรรมประวัติ บางปะอิน

 เสาร์ที่ 29 สิงหาคม 63 ได้ไปเที่ยววัดนิเวศธรรมประวัติ บางปะอิน อยุธยา ซึ่งอยู่บนเกาะตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน ต้องข้ามโดยกระเช้าไป ประวัติก็เริ่มจากสมัยอยุธยา เมื่อพระเอกาทศรถ สมัยยังเป็นพระมหาอุปราช น้องของพระนเรศวร ประพาสทางเรือได้เรือล่มที่บริเวณนี้ เดิมชื่อเกาะบ้านเลน และได้หญิงชาวบ้านเกาะนี้ชื่อ อิน เป็นบาทบริจาริกา ต่อมามีพระโอรสด้วยกัน เล่ากันว่าคือ พระเจ้าปราสาททอง เมื่อได้ครองราชย์แล้วได้มาสร้างวัดที่เป็นนิวาสสถานเดิมของมารดา คือวัดชุมพลนิกายาราม และสร้างพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เพื่อเฉลิมฉลองที่พระราชเทวีได้ประสูติพระนารายณ์ราชกุมาร ต่อมาคราวเสียกรุงฯ ได้รกร้างไป จนรัชกาลที่ 4 ได้ประพาสอยุธยา ผ่านมาเห็นความร่มรื่น จึงให้บูรณะและสร้างพลับพลาต่างๆ ต่อมารัชกาลที่ 5 ได้บูรณะครั้งใหญ่สร้างพระที่นั่งต่างๆ สำหรับแปรพระราชฐาน ดังปรากฏในปัจจุบัน


บริเวณลานจอดรถสำหรับข้ามไปเกาะ

พระที่นั่งต่างๆ ฝั่งวัดนิเวศธรรมประวัติ

หมู่กุฎิสงฆ์ เป็นอาคารสีชมพูเรียงรายไปตามทางเดินขึ้นไปทางทิศเหนือ

กระเช้าข้ามฟาก มีสองฝั่ง ข้ามได้ประมาณ 10 คน 














บริเวณวัด มองเห็นเป็นโบสถ์คริสต์ ศิลปะแบบโกธิค ซึ่งสร้างในสมัย ร.5 แต่ภายในมีพระพุทธรูปชื่อ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส บริเวณยอดโดมมีหอนาฬิกาและระฆังชุด เหนือขึ้นไปเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ การก่อสร้างใช้ระยะเวลาทั้งหมดรวม 2 ปี 22 วัน เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2421





ทางเข้าโบสถ์


บริเวณฐานชุกชี มีลักษณะเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนแบบโบสถ์คริสต์ มีพระประธาน พร้อมทั้งพระโมคลาและพระสารีบุตร



ฝั่งตรงข้ามด้านทิศตะวันออก คือพระราชวังบางปะอิน





วัดในอยุธยา

เดือนมิถุนายน และเดือนสิงหาคม 63 ได้ไปเที่ยววัดในอยุธยาหลายวัด ที่เป็นวัดสำคัญๆ มีพระพุทธรูปสำคัญมากๆ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

วัดมงคลบพิตร

สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ลงรักปิดทอง ในสมัยเสียกรุงได้ชำรุดเสียหาย ต่อมาในปี 2499 ได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่ รวมทั้งฉาบปูนเจดีย์ต่างๆ 










เจดีย์สามองค์ ในเขตพระราชวังเก่า วัดพระศรีสรรเพชญ์





วัดพนัญเชิง

หลวงพ่อโต หรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง บางคนก็เรียกว่า วัดพระนางเอาเชิง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอยุธยา สันนิษฐานว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง มีมาก่อนตั้งอยุธยา






พระพุทธรูปทองคำ ปูน และนาก อยู่ภายในพระอุโบสถที่อยู่ด้านข้างวิหารหลวงพ่อโต องค์กลางปูนปั้น องค์ซ้าย เป็นทองคำ องค์ริมขวาเป็นนาค จะออกสีแดงๆ





ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก


ทางขึ้นชั้น 2



ทางลง

ศาลเทพเจ้าต่างๆ ด้านข้าง

ฝูงปลาหน้าวัด



วัดใหญ่ชัยมงคล

เป็นวัดที่มีอาณาเขตกว้างขวาง เดิมชื่อวัดป่าแก้ว หรือวัดเจ้าไท สร้างในสมัยตั้งกรุงศรีอยุธยา สมัยพระเจ้าอู่ทอง มีเจดีย์ชัยมงคลอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะพระมหาอุปราชา ของพม่า และมีพระตำหนักของพระนเรศวรอยู่ด้านหลังวัดด้วย
ศาลสมเด็จพระนเรศวร สร้างเสร็จในปี 2544 หันหน้าไปทิศตะวันออก

คูเมืองของวัด




เจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา นักท่องเที่ยวนิยมมามาก

ภายในเจดีย์มีการบรรจุคาถาชัยมงคลและพาหุงมหากาฯ


พระอุโบสถด้านหน้า เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล




หมู่บ้านญี่ปุ่น

เป็นชุมชนชาวญี่ปุ่น มีขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชา เริ่มจากชุมชนเล็กๆ ของพ่อค้าสำเภาญี่ปุ่น มี 3 กลุ่มด้วยกัน คือ พ่อค้า โรนินหรือนักรบ ที่มาเป็นทหารอาสา และชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของฝั่งแม่น้ำ ทางใต้ของเกาะอยุธยา ฝั่งตะวันตกตรงข้ามกัน เป็นหมู่บ้านโปรตุเกส


ภายในมีรูปปั้นของออกญาเสนาภิมุข หรือยามาดะ นางามาซะ ขุนนางชาวญี่ปุ่น ในราชสำนักอยุธยา สมัยพระเจ้าทรงธรรม











มองไปด้านทิศใต้ มีสะพานสร้างใหม่


ตรงข้ามกันคือทิศตะวันตก เป็นหมู่บ้านโปรตุเกส ซึ่งท้าวทองกีบม้า ต้นตำรับขนมหวานพวกทองหยิบ ฝอยทอง ต่างๆ ก็เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-โปรตุเกส ได้สมรสกับคอนสแตนติน ฟอลคอน ชาวโปรตุเกส ซึ่งได้เป็นขุนนางสำคัญสมัยพระนารายณ์มหาราช
























บัตรเข้าชมหมู่บ้าน ราคา 50 บาท