วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณฯ เมื่อบวชครั้งที่สอง

ต้นเดือนมกราคม 2561 พ่อของข้าพเจ้าได้ป่วยจนต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลยมราช เกล็ดเลือดต่ำ เป็นโรคตับด้วย มีอาการหนักมาก ข้าพเจ้าได้ไปบนกับหลวงพ่อโต ที่วัดป่าเลไลยก์ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ได้บนว่าให้พ่อข้าพเจ้าหายป่วย จะบวชให้ 1 พรรษา


จนต่อมาราวมิถุนายน อาการก็ดีขึ้นมาก ข้าพเจ้าจึงเตรียมตัวบวช หลังจากเคลียร์งานที่บริษัทเพื่อลาบวชอีกครั้งหลังจากบวชมาแล้วครั้งหนึ่งเป็นการบวชตามประเพณี เมื่อประมาณเมษายน ปี 2535 บวชตอนนั้นสัก 15 วัน
จนครั้งนี้ วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม 2561 ก็ได้ฤกษ์บวช โดยมีพระครูพิพัฒน์วุฒิกร (พระอาจารย์    สุธีร์) เป็นพระอุปัชฌายะ ก่อนการบวชก็ต้องมีการอยู่วัดก่อนสัก 5 วัน เพื่อท่องบทสวดขานนาคให้ได้
การบวชก็ต้องบวชที่อุโบสถเก่า ไม่ได้บวชในวิหารหลวงพ่อโต และจำพรรษาที่กุฏินางพิมพ์ที่อยู่ใกล้ริมน้ำด้านหลังวัด ซึ่งพระทั้งหมดในวัดมีประมาณ 50-60 รูป แต่พระบวชใหม่ปีนี้มี 6 รูป


บริเวณด้านหลังวัด




บริเวณด้านบนกุฏินางพิมพ์

กิจวัตรประจำวันคือ จะได้ยินเสียงระฆังประมาณตี 4 ก็ต้องตื่นสรงน้ำ ห่มดองเพื่อไปสวดมนต์เช้าในเวลาประมาณตี 5.00 น. ที่วิหารหลวงพ่อโต ด้านใน ซึ่งการสวดมนต์ก็จะมีเจ้าอาวาส คือ หลวงพ่อสะอิ้ง และพระอื่นๆ ประมาณ 10 กว่ารูป รวมทั้งมีฆราวาสชาย-หญิง นุ่งห่มขาว มาร่วมสวดด้วย จะมีเสียงกระหึ่มทั่วทั้งวิหาร สวดสัก 45 นาทีก็กลับกุฏิเพื่อจะเตรียมตัวไปบิณฑบาต ในเวลาประมาณ 6.00 น.


ท่านเจ้าอาวาสนำสวดมนต์เช้า

สายบิณฑบาตก็มีประมาณ 5 สาย ทั้งด้านหน้าวัด ข้างวัด ข้าพเจ้าได้เลือกสายนั่งรถกระบะไปหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งมี 3 รูปที่ไปด้วยกัน ต้องปีนขึ้น ลงรถกระบะเพื่อรับบาตร ทุลักทุเลพอสมควรสำหรับหลวงตาแก่ๆ เสร็จแลัวก็กลับมาประมาณ 7.00 น. ฉันเช้าในห้อง หลังจากนั้นประมาณ 9.00 น. ก็ต้องมีการเรียนนักธรรมตรี จนเวลา 11.00 น.ก็กลับมาฉันเพล ช่วงเวลาที่เหลือก็เป็นเวลาพักผ่อน ยาวไปจน 16.00 น. ก็มีการตีระฆังเพื่อไปสวดมนต์เย็นในโบสถ์ตอนเวลา 5 โมงเย็น สวดนาน 1 ชั่วโมงถึง 6 โมงเย็นก็กลับกุฏิ

การสวดนานๆ และหลายบท ทำให้ข้าพเจ้าสามารถสวดมนต์ต่างๆ ได้บ้าง เช่น บทธรรมจักรฯ บทพาหุงฯ จากที่การบวชครั้งแรกนั้น ไม่สามารถสวดบทไหนได้เลย
หลังสวดมนต์เย็น
ระหว่างบวชใหม่นี้ก็ต้องมีการอบรมวิปัสสนาพระนวกะ ที่วัดปราสาททอง ด้วยเป็นเวลา 5 วัน



กิจวัตรประจำวันก็ประมาณนี้ แต่ก็มีกิจนิมนต์เสมอ เช่น ทำบุญบ้านเช้า งานศพ สวดมาติกา เวลาเย็น มีทั้งในวัดและนอกวัด

การเรียนนักธรรมตรี ในช่วงใกล้จบก็ต้องมีการอบรมและทดสอบก่อนสอบจริง ที่วัดไชนาวาส อำเภอเมือง ผลการทดสอบก็ทำให้ข้าพเจ้าได้รับคำชมจากวัดที่จัดการอบรม มีการประกาศว่า พระที่มีลายมือสวยงาม มี 2-3 วัด รวมทั้งวัดป่าเลไลยก์ฯ ด้วย และเมื่อรวมคะแนนทดสอบ ข้าพเจ้าได้รับรางวัลที่ 3 ได้รับเบี้ยแก้ เป็นรางวัล 1 ชุด


และแล้ววันออกพรรษาก็มาถึง วันพุธที่ 24 ตุลาคม 2561 ครบ 3 เดือน จะว่าช้าก็ช้า ในช่วงเดือนแรกที่บวชนั้น เวลาช้ามาก ได้เจออะไรหลากหลายมากมาย แต่ช่วงเดือนหลังนี้ ไวมากขึ้น แต่ก็ยังสึกไม่ได้ เพราะต้องรับกฐินก่อน รวมทั้งยังไม่มีฤกษ์สึกด้วย

หน้าวิหารหลวงพ่อโต วันออกพรรษา
หลังจากวันออกพรรษา ก็มีการตักบาตรเทโว พระทั้งหมดต้องเข้าแถวเดินจากหน้าวิหารไปให้โยมใส่บาตรที่ด้านหน้าวิหาร ยาวไปยังท้ายวัด ซึ่งคนเยอะมาก ใช้เวลานานด้วย อาหารใส่บาตรก็จะเป็นขนมต่างๆ ของแห้ง น้ำ ข้าวสาร และอื่นๆ มากมาย
ในโบสถ์วันปวารณาออกพรรษา
ตักบาตรเทโว
หลังออกพรรษา ระหว่างรอฤกษ์ก็ได้มีโอกาสไปพระปฐมเจดีย์ และพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี





สำนักปฏิบัติธรรมสวนไผ่ (สวนขวด) ต.สนามคลี อ.เมือง สุพรรณฯ 
หลังจากนั้นช่วงวันที่ 3-9 พ.ย.61 ก็ได้มีโอกาสไปปริวาสกรรมเพื่อทำตนให้บริสุทธิ์ในโอกาสที่อาจจะผิดศีล หรืออะไรต่างๆ ในช่วงเข้าพรรษา โดยไปที่วัดพันเสด็จใน อำเภอศรีราชา ชลบุรี ประมาณ 7 วัน โดยเดินทางขนสัมภาระขึ้นรถตู้ไปลงที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต แล้วต่อรถไปบ่อวิน ศรีราชา แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าวัดอีก ทุลักทุเลพอสมควร ซึ่งได้รับประสบการณ์ดีๆ เยอะ พระบางรูปมาจากทางอีสาน ทางเหนือ ต้องกางเต็นท์บ้าง แต่ทางวัดก็มีกุฏิเล็กๆ ให้อยู่แล้ว แต่ถ้ามากันเยอะก็ต้องกางเต็นท์ วัดเงียบสงบ ท่านเจ้าอาวาสใจดีมาก


 








หลังจากกลับจากชลบุรีก็ยังไม่ได้สึก ต้องอยู่อีกหลายวัน จนถึงวันหลังลอยกระทง 1 วัน คือ วันศุกร์ที่ 23 พ.ย.61 เวลาประมาณ 8 โมงก็ได้ทำการสึก เพื่อกลับไปทำงานต่อ












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น